“สุดารัตน์” ขึ้นเวทีใหญ่ฝั่งธน อาสานำทัพไทยสร้างไทยสู้เพื่อคนตัวเล็ก ประกาศเป็นทางเลือกใหม่ ทางรอดประเทศ ยุติความขัดแย้ง มุ่งสร้างเศรษฐกิจที่ดี หนุนศิธา ทิวารี เบอร์ 11 ใช้ กทม.เป็นพื้นที่นำร่อง พลักดันนโยบาย ให้ชาวกรุง หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน

        20.00น. คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ขึ้นเวทีประกาศอาสานำทัพทีมไทยสร้างไทย “สู้เพื่อคนตัวเล็ก” โดยพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นพรรค “ทางเลือกใหม่ ทางรอดของประเทศ ยุติความขัดแย้ง มุ่งสร้างเศรษฐกิจที่ดี” และการก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทยเพื่อให้เป็นสถาบันการเมืองที่ทุกคนเป็นเจ้าของ และการสร้างพรรคไทยสร้างไทย จะเป็นภารกิจสุดท้ายของสุดารัตน์  ขณะเดียวกันได้ให้คำมั่นว่า จะขอสู้เพื่อพี่น้องคนตัวเล็กให้ “หายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืน” 
 
        แต่สุดารัตน์เพียงคนเดียวไม่สามารถทำสำเร็จได้ จึงต้องขอแรงพี่น้องประชาชนทุกคนมาช่วยกันสร้างพรรคไทยสร้างไทยร่วมกัน โดยการสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าทีมสุดารัตน์  ศิธา ทิวารี เบอร์ 11 และส.ก.ของพรรคไทยสร้างไทยทั้ง 50 เขต ประธานพรรคไทยสร้างไทยย้ำด้วยว่า ที่ผ่านมา น.ต.ศิธา ทิวารี ได้ร่วมงานกันมา 22  ปีอยู่เบื้องหลังความสำเร็จในงานยากๆที่สุดารัตน์เคยทำ และที่สำคัญศิธา เป็นจะผู้ว่าที่ลงมือทำจริง ลุยงานจริง และทำงานสำเร็จจริง เพราะกล้าคิดต่าง โดย ศิธา จะแก้อุปสรรคที่ขวางกั้นให้กับประชาชน
 
        คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่า ทุกนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่ได้ประกาศไปแล้วไม่ว่าจะยากเพียงใด ทีมไทยสร้างไทย และน.ต.ศิธา จะใช้ กทม.นำร่องทำให้สำเร็จทุกนโยบาย เช่นนโยบายกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่ง น.ต.ศิธา ทิวารี จะใช้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่นำร่อง มอบ “บัตรเครดิตประชาชน” เพื่อให้คนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งถึง เลิกพึ่งพิงหนี้นอกระบบ และกองทุนดังกล่าว จะเป็น “เครดิต” ที่มอบให้ติดตัว โดยกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ไม่เกินร้อยละ1 ต่อเดือน ตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ยิ่งไปกว่านั้น เงินส่วนนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่สูญเปล่าเหมือนการแจกเงินในปัจจุบัน 
 
        และจะใช้พื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่นำร่องนโยบายบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งพรรคได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้สูงอายุที่ได้ทำงานอย่างหนักมาทั้งชีวิต แต่กลับ“แก่ก่อนรวย” ดังนั้นนโยบายบำนาญประชาชน จึงเป็นการตอบแทนผู้สูงวัย เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้ประโยชน์ถึง 4 อย่าง คือผู้สูงอายุมีรายเพียงพอต่อการยังชีพอยู่ สามารถอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี สุขภาพแข็งแรง ลดภาระลูกหลาน เป็นกำลังซื้อมหาศาลให้กับเศรษฐกิจฐานราก ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวดีขึ้น ซึ่งนโยบายดังกล่าว ไม่ใช่การแจกเงินแบบสูญเปล่าเหมือนโครงการประชารัฐหรือประชานิยม แต่จะเป็นการสร้างเศรษฐกิจให้กลับมาหมุนเวียนตั้งแต่ระดับหมู่บ้านชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ เกิดการใช้จ่ายต่อยอดรายได้  และในท้ายที่สุด จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็วและเข้มแข็งอีกครั้ง  

Comments are closed.